เชียงใหม่มีสถานที่ ที่เป็นสวนดอกไม้ สวนพรรณไม้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นสถานที่ ที่มีพื้นที่มาก มีอากาศที่เหมาะในการทำสวนพฤกษศาสตร์ และหนึ่งในนั้นก็สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ที่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ศึกษาเกี่ยวกับพรรณไม้ ที่ได้รับความนิยม เนื่องจากไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก และมีการรวบรวมพรรณไม้ไว้มากมาย
รายละเอียดทั่วไปเกี่ยวกับสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ (Queen Sirikit Botanic Garden) เป็นสวนพฤกษศาสตร์ขนาด 6,500 ไร่ ได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นปีมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษา 5 รอบของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนพฤกษศาสตร์ พ.ศ. 2535 โดยมีสถานภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ก่อนหน้านั้นที่นี่ จะมีชื่อว่าสวนพฤกษศาสตร์แม่สา ถือได้ว่าเป็นสวนพฤกษศาสตร์แห่งแรกของไทย มีการบริหารจัดการตามหลักมาตรฐานสากล จุดประสงค์เพื่อการศึกษาวิจัย ให้ความรู้ทางด้านพฤกษศาสตร์ จนต่อมาในปี พ.ศ.2537 องค์การสวนพฤกษศาสตร์ได้รับพระราชทานพระราชานุญาตจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ให้ใช้ชื่อสวนพฤกษศาสตร์ในภาคเหนือขององค์การฯ ที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ว่า “สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์” จนในปี พ.ศ. 2545 รัฐบาลมีนโยบายในการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม โดยนำหน่วยงานราชการที่มีภารกิจคล้ายคลึงกันไว้ในหน่วยงานเดียว องค์การสวนพฤกษศาสตร์จึงได้โอนย้ายจากสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีมาสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ถือเป็น 1 ใน 2 อุทยานพฤกศาสตร์ขนาดใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับกับอุทยานหลวงราชพฤกษ์ ที่ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองเชียงใหม่
จุดท่องเที่ยวภายในสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ที่น่าสนใจ
ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำมากมาย โดยมีทั้งการเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ การเยี่ยมชมศึกษาในเรือนกระจก โดยจะสามารถสรุปกิจกรรม และจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้ดังนี้
- เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่อยู่ภายในของสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
การเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาติของสวนฯแห่งนี้นั้น เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ขึ้นชื่อของการมาเที่ยวที่สวนพฤกษศาสตร์แห่งนี้ เพราะเส้นทางในการเดินมีการแบ่งกลุ่มไว้เป็นอย่างดี ทั้งในเรื่องของระยะทาง ความสนใจ เส้นทางการเดินศึกษาธรรมชาติทั่วไป มีเส้นทางที่น่าสนใจ ยกตัวอย่างได้เป็น- เส้นทางวัลยชาติ เส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ทอดยาวไปตามสันเขา มีการจัดปลูกพืชไม้เลื้อยกว่า 250 ชนิด ตลอดสองข้างทาง ระยะทางประมาณ 800 เมตร
- อุทยานขิง-ข่า เป็นเส้นทางที่องค์การสวนพฤกษศาสตร์ ได้ทำการรวบรวมพืชวงศ์ขิง – ข่า ของไทย กว่า 180 ชนิด ซึ่งจัดได้ว่ารวบรวมไว้มากที่สุดในประเทศ
- เส้นทางสวนรุกขชาติ (Arboretum Trail) เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 600 เมตร เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสธรรมชาติ ท่ามกลางบรรยากาศที่มีความร่มรื่น และจุดพักผ่อนกลางสวนสนธรรมชาติเป็นทัศนียภาพที่ลองมาสัมผัสในความสวยงาม
- เส้นทางกระสุนพระอินทร์-พระราม (Pill Millipede Trail) เส้นทางศึกษาธรรมชาติระยะทาง 400 เมตร ศึกษาระบบนิเวศของป่าที่ผสมผสานระหว่างป่าผลัดใบและไม่ผลัดใบ
- เส้นทาง Banana Avenue เป็นเส้นทางรวบรวมและจัดแสดงพันธุ์กล้วยที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือของประเทศ ภายในพื้นที่ 5 ไร่
- น้ำตกแม่สาน้อย (Mae Sa Noi Waterfall) น้ำตกธรรมชาติ ที่ไหลจากลำห้วยแม่สา ผ่านบริเวณด้านหน้าสวนพฤกษศาสตร์ฯ มีน้ำไหลตลอดทั้งปี
- Canopy Walks เส้นทางศึกษาธรรมชาติเหนือเรือนยอดไม้ เส้นทางศึกษาธรรมชาติเหนือเรือนยอดไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยระยะทางกว่า 500 เมตร และที่ระดับความสูงเหนือพื้นดินกว่า 20 เมตร เป็นเส้นทางสกายวอล์กยอดนิยม ที่นักท่องเที่ยวเลือกทำกิจกรรมมากที่สุด โดนตัวเส้นทางออกแบบให้มีความกลมกลืนกับธรรมชาติ โครงสร้างของทางเดินทำมาจากเหล็กกล้า แข็งแรง บางช่วงของทางเดิน เป็นพื้นกระจกใส เพื่อให้สามารถมองเห็นลงไปด้านล่างชมทัศนียภาพที่สวยงามของทิวยอดไม้ในแบบรอบทิศทาง เหมาะสำหรับการมาเดินชมในช่วงหนาวหรือปลายฝน ในเส้นทางเดินสามารถเห็นต้นไม้เมืองหนาวอย่างต้นสนต้นใหญ่ๆ และกล้วยป่า ให้ความรู้สึกเหมือนเดินทัวร์อยู่ในต่างประเทศ
- กลุ่มอาคารเรือนกระจกเฉลิมพระเกียรติ (Glasshouse Complex) ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นกลุ่มอาคารเรือนกระจกขนาดใหญ่ แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ เรือนกระจกใหญ่ หรือเรือนแสดงไม้ป่าดิบชื้น เรือนกระจกขนาดกลาง เรือนแสดงพรรณไม้ทั่วไป ตั้งอยู่บนลานเนินเขาที่สวยงาม ภายในอาคารใหญ่รวบรวมพรรณไม้ใน เขตป่าดงดิบ จากทุกภูมิภาคของทวีปเอเชีย และในโรงเรือนอื่นๆของสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์แห่งนี้ ก็ยังมีพรรณไม้ ที่น่าสนใจ เช่น พืชทะเลทราย พรรณไม้น้ำ เฟิน กล้วยไม้ พรรณไม้ทั้งหมดถูกจัดแสดงไว้ในโรงเรือนให้คล้ายคลึงกับภูมิอากาศ และภูมิประเทศ ที่พรรณไม้เหล่านั้นขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ โดยเฉพาะ คนที่เป็นกระบองเพชร Lover โซนพืชทนแล้ง ที่นี่รวบรวมสายพันธุ์กระบองเพชรต่างๆ มาอวดโฉมอยู่ในส่วนจัดแสดง สามารถเดินชม ถ่ายรูป กระบองเพชร ที่มีขนาดใหญ่มาก และสวยงามมาก ท่านที่ชอบกระบองเพชรจะต้องถูกใจอย่างแน่นอน
- พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติ (Natural Science Museum) เป็นอาคารจัดแสดงนิทรรศการถาวรและนิทรรศการหมุนเวียนให้ความรู้ทางด้านพืช ธรรมชาติวิทยา ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม โดยนิทรรศการที่จัดมีความน่าสนใจ มีการถ่ายภาพในรูปแบบ 4D เป็นส่วนที่ให้ความรู้ ความสนุกสำหรับเด็ก และผู้ที่สนใจ หัวข้อนิทรรศการเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เป็นอีกจุดหนึ่งของสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ที่ไม่ควรพลาดการเข้าชม
- ศูนย์เกษตรอินทรีย์ (Organic Learning Center) ตั้งอยู่ในบริเวณเรือนอนุบาลพรรณไม้ของสวนพฤกษศาสตร์ฯ เป็นศูนย์เกษตรอินทรีย์ครบวงจร ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปลูกพืชอินทรีย์ การเตรียมดิน การคัดเมล็ดพันธุ์ การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ รวมทั้งการสาธิตการปลูกพืชผักสวนครัว พืชสมุนไพร ผักพื้นบ้าน ผักปลอดสารพิษ ที่ผลิตจากการใช้เกษตรอินทรีย์หลากหลายชนิด เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจในการปลูกพืชผักแบบอินทรีย์ ลดการใช้สารเคมี เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตของท่าน
เนื่องจากสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ มีพื้นที่ที่กว้างมาก จึงมีการแบ่งการเดินชมออกเป็นโซนๆ ในแต่ละโซน หรือแต่ละในกิจกรรมเอง ก็มีความน่าสนใจมาก ทำให้การเดินชมหลายส่วนในหนึ่งวันเป็นเรื่องยาก จึงอยากขอแนะนำให้ค่อยๆเลือกชมทีละส่วน โดยให้เวลาในแต่ละจุดที่สนใจอย่างเต็มที่ โดยเลือกจอดรถในลานจอดที่ใกล้กับจุดที่สนใจจะเข้าชม หากไม่ต้องการเสียค่านำรถเข้า ก็สามารถใช้บริการรถรับส่งได้ แต่อาจจะไม่สะดวกมากนักเมื่อเทียบกับการนำรถเข้ามาจอดใกล้ๆ ในการเข้าชมอาจจะใช้เวลาในการเข้าชม ศึกษา เก็บภาพความทรงจำในแต่ละโซนมากหน่อยเพราะเนื้อหา และมีอะไรให้ดูเยอะมาก ไม่เหมาะกับการมาในระยะเวลาสั้นๆ ต้องยอมรับเลยว่าสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์นั้น มีสิ่งที่น่าสนใจเยอะมาก เป็นสวนที่รวบรวมความรู้เกี่ยวกับพรรณไม้ มีการรวบรวมพรรณไม้ในแต่ละท้องถิ่นไว้เพื่อนำมาจัดแสดง โดยในการจัดแสดงได้มีการจัดพื้นที่ไว้ได้อย่างเหมาะสม ทำให้ได้รับความรู้เกี่ยวกับพรรณไม้เพิ่มมากขึ้น